top of page
キーボード上の男の手

บริการสนับสนุนด้านไอที (RPA)

ฉันชื่อโจอา มันคือหุ่นยนต์ปฏิบัติการพีซี

เราจะช่วยคุณทำงานในสำนักงานตลอด 24 ชั่วโมง 365 วันต่อปี

ค่าแรงงานจะยังคงสูงขึ้นในประเทศไทย

นอกจากนี้ยังขาดแคลนวิศวกรไอที

การหมุนเวียนของทรัพยากรบุคคลที่ยอดเยี่ยมก็รุนแรงเช่นกัน

 

หากมองไปในอนาคตอันใกล้ทำไมไม่เริ่มระบบอัตโนมัติ (RPA)

ไม่ต้องมีค่าธรรมเนียมใบอนุญาตหรือวิศวกรไอทีราคาแพง

 

ตอนนี้เป็นยุคของ BPO (Business Process Outsourcing)

ระบบอัตโนมัติรายเดือน (RPA) เป็นไปได้สำหรับจำนวนคงที่

ทิ้งไว้ให้เรา

 

ลูกค้าที่พิจารณาใช้บริการ BPO

พร้อมให้คำปรึกษาฟรี

* ขายได้เฉพาะใบอนุญาตเท่านั้น

(ลูกค้าที่คิดจะซื้อสามารถเช่าได้ฟรี 1 เดือน)

RPA? หุ่นยนต์ทำงานพีซี? BPO? คืออะไร

“มีปัญหาเหล่านี้บ้างไหม”

มีการเข้าออกของพนักงานชั่วคราวบ่อยมากเสียจนยกระดับประสิทธิภาพการผลิตของแต่ละคนไม่ได้

มีการเข้าออกของพนักงานชั่วคราวบ่อยมากเสียจนยกระดับประสิทธิภาพการผลิตของแต่ละคนไม่ได้

การกรอกข้อมูลในแต่ละเดือนมีความผิดพลาดและตกหล่นจำนวนมาก

ใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลจากหน้างาน (แปลงข้อมูล)  ออกรายงานก็ช้า

ใช้เวลาหมดไปกับลูกค้าที่มีอยู่ ไม่สามารถส่งไดเรคเมลของธุรกิจใหม่ได้เลย

เพิ่มผลผลิตไหม ?

คุณมีปัญหาเช่นนี้หรือไม่?

“ยกระดับผลิตภาพ=RPA”

ความแม่นยำ

ความผิดพลาดจากคนลดลงมาก

 ทรัพยากร

ใช้ทรัพยากรมนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพ

ประสิทธิภาพ

ลดความสูญเปล่าในกระบวนการทำงาน

ปรับปรุงงานด้วย

RPA

วัตถุประสงค์ดั้งเดิมของการนำ RPA เข้ามาใช้งาน คือ การยกระดับ “ผลิตภาพ” ของการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจและกิจการ

การปรับปรุงผลผลิต = RPA

"RPA คืออะไร"

ระบบอัตโนมัติของกระบวนการหุ่นยนต์ (RPA) →หุ่นยนต์การทำงานของพีซี: Joa

งานประจำ

การทำงานอัตโนมัติของพีซี

ลดต้นทุนและเวลาที่ใช้ในการทำงานประจำในแต่ละวันลงด้วย RPA

 

สามารถใช้ RPA เข้ามาสร้างเสถียรภาพให้กับงานที่มีช่องว่างระหว่างช่วงยุ่งและช่วงว่าง รวมถึงงานที่มีปริมาณการซ่อมแซมจำนวนมากเป็นประจำ

เมื่อให้หุ่นยนต์จดจำได้ครั้งหนึ่งแล้ว ก็จะไม่มีวันลาออก จึงสามารถลดต้นทุนการฝึกอบรมลงได้อีกด้วย

ให้หุ่นยนต์จดจำงานที่ต้องมีการป้อนข้อมูลจำนวนมาก งานที่มีการทำซ้ำจำนวนมากและงานที่มีกระบวนการยาว แล้วโยกคนไปทำงานที่มีมูลค่าเพิ่มสูงกันดีกว่า

ลดความเสี่ยงและการต้องทำงานเพิ่มจากการทำงานผิดพลาดด้วย RPA

 

งานที่ต้องประมวลผลปริมาณมาก เช่น งานที่ต้องทำซ้ำ งานที่มีกระบวนการมาก และงานที่ทำเป็นประจำในทุกๆ วัน มักเป็นงานที่มีความผิดพลาดเพิ่มขึ้นได้จากแรงกดดันและความเคยชิน

หุ่นยนต์สามารถทำงานที่จดจำได้แล้วครั้งหนึ่งซ้ำไปมาได้ด้วยคุณภาพเดิมโดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน

ด้วยการกำหนดขอบเขตงานที่จำเป็นต้องให้คนเข้ามาแทรก และจดจ่ออยู่กับงานที่จำเป็นด้วย RPA จะลดได้ทั้งความผิดพลาดและลดการทำงานลงอีกด้วย

ถ้าเป็น RPA จะสามารถปรับปรุงงานให้ดีขึ้นได้โดยไม่ต้องแก้ไขระบบที่ใช้อยู่ในงาน

สามารถปรับปรุงงานให้ดีขึ้นได้ด้วย RPA โดยไม่ต้องแก้ไขระบบที่ใช้อยู่ภายในบริษัท รวมถึงแอปพลิเคชั่นที่ใช้อยู่เป็นประจำในงานแต่ละวัน

เมื่อนำ RPA เข้ามาใช้ ไม่จำเป็นต้องพัฒนาเครื่องมือและแก้ไขระบบให้เข้ากับงาน

สามารถตอบสนองความต้องการปรับปรุงงานให้ดีขึ้นของผู้รับผิดชอบหน้างานได้อย่างรวดเร็ว ด้วยโซลูชั่นที่ขับเคลื่อนวงจร PDCA ได้ง่ายโดยไม่เกี่ยงประเภทงานหรืออุตสาหกรรมใดๆ

หุ่นยนต์ที่ทำงานบนพีซีจะเข้ามาทำงานในสำนักงานหลังบ้านซึ่งมีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ทำได้จนถึงปัจจุบัน

RPA คืออะไร?

“การจับคู่ ERP กับ RPA เข้าด้วยกัน”

Enterprise resource planning (ERP) 

* SAP เป็นหนึ่งในระบบ ERP เช่นกัน

รวบรวมข้อมูลทรัพยากรทางธุรกิจเข้าด้วยกัน จัดการแบบรวมศูนย์ แปลงข้อมูลให้เห็นได้

Robotic process automation(RPA)

ทำงานประจำที่เป็นงานของคนให้เป็นอัตโนมัติ

ERP

คน

ERP

RPA

คน

1. สามารถทำให้กระบวนการทำงานที่คล่อมกันอยู่ทั่วทั้งองค์กรทำงานเป็นอัตโนมัติได้

 

ERP เป็นผลิตภัณฑ์ซอร์ฟแวร์แพคเกจที่สามารถรวบรวมแอปพลิเคชั่นการทำงานที่แยกตามแต่ละแผนกเข้าเป็น 1 เดียวได้

ด้วยการจับคู่รวมกับ RPA ก็จะสามารถทำให้กระบวนการทำงานที่คล่อมกันอยู่ทั่วทั้งองค์กรทำงานเป็นอัตโนมัติได้

เช่น ในงานสร้างใบแจ้งหนี้ ฝ่ายขายรับใบสั่งซื้อจากลูกค้า แล้วส่งมอบข้อมูลดังกล่าวไปยังแผนกบัญชี ใบแจ้งหนี้ก็จะออกมาภายในช่วงเวลาที่กำหนด

 

ในกรณีที่มี RPA ในขั้นตอนที่ฝ่ายขายกรอกข้อมูลใบแจ้งหนี้เข้าไปในระบบ ข้อมูลก็จะปรากฏในระบบบัญชีด้วย เมื่อถึงช่วงเวลาที่กำหนดก็สามารถตั้งโปรแกรมให้ออกใบแจ้งหนี้โดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ ในกรณีที่ทำงานออกใบแจ้งหนี้ด้วย EDI(Electronic Data Interchange) ก็สามารถทำให้เป็นอัตโนมัติได้ไปจนถึงการเวียนกระบวนการอนุมัติใบเสนอราคา

2. ผู้ดูแลระบบทำการดูแลโปรแกรมอัตโนมัติได้ง่ายขึ้น

 

ความยากในการนำ RPA เข้ามาใช้ คือ มีความเป็นไปได้ที่โปรแกรมอัตโนมัติจำนวนนับไม่ถ้วนจะถูกสร้างขึ้นแล้วถูกปล่อยทิ้งไว้ซึ่งจะส่งผลเสียต่อระบบ

ด้วยเหตุดังกล่าว ในการนำ RPA เข้ามาใช้ ผู้ดูแลระบบจึงต้องดูแลโปรแกรมอัตโนมัติด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ แต่ถ้าในกรณีที่มีระบบ ERP เนื่องจากแพลตฟอร์มที่ โปรแกรมอัตโนมัติของ RPA ทำงานอยู่เป็นแพลตฟอร์มเดียวกัน จึงทำให้การดูแลระบบสามารถทำได้ง่ายขึ้น

3. สามารถคาดหวังได้ถึงการปรับปรุงผลิตภาพการทำงานที่สูงยิ่งกว่าเดิมของแรงงาน

จากข้อดีดังกล่าวมาข้างต้น การจับคู่ ERP กับ RPA เข้าด้วยกันจะทำให้สามารถคาดหวังได้ถึงการยกระดับผลิตภาพการทำงานที่สูงยิ่งขึ้นของแรงงาน และสามารถเพิ่มมูลค่าเพิ่มของธุรกิจให้สูงยิ่งกว่าเดิมได้

เนื่องจากบริษัญี่ปุ่นถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีผลิตภาพของแรงงานต่ำในระดับโลก หากการจับคู่กันของ ERP กับ RPA จะสามารถช่วยให้ผลิตภาพของแรงงานสูงขึ้นได้ ก็อาจจะสามารถต่อยอดทางธุรกิจที่ไม่เคยมีมาก่อนได้

* RPA สำหรับกิจการที่ไม่ได้ใช้ระบบ ERP *

ทั้ง ERP และ RPA ต่างก็มีข้อดีมากมายในการแก้ปัญหาขององค์กรดังที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น

  ในกรณีที่ยากต่อการนำ ERP เข้ามาใช้งาน การรองรับด้วย RPA จึงกลายเป็นแนวคิดหลัก

การจับคู่ ERP กับ RPA เข้าด้วยกัน

“ต้นทุนของการนำ RPA เข้ามาใช้”

①•ค่าลิขสิทธิ์ซอร์ฟแวร์ RPA

②•ค่าใช้จ่ายในการคัดเลือกงานRPA

③•ค่าเรียนรู้ซอร์ฟแวร์ RPA

④•ค่าพัฒนากระบวนการทำงาน RPA

⑤•ค่าดูแลรักษาการใช้งานระบบ RPA

ในกรณีที่นำ RPA เข้ามาใช้โดยตรง และจัดเตรียมขั้นตอนภายในบริษัทเอง จำเป็นต้องใช้ทั้งคนทั้งเวลาและมีต้นทุน

การนำ RPA เข้ามาใช้ควรทำ BPO

ต้นทุนของการนำ RPA เข้ามาใช้

“การทำ BPO (เอาต์ซอร์ส) งาน RPA”

ลูกค้า

産業ビル
ダブルクリック

กระบวนการที่เป็นระบบอัตโนมัติจะถูกว่าจ้างจากภายนอก

ความพยายามและลดต้นทุน

นำไปปฏิบัติ

บริษัท ของเรา

HIRAYAMA.jpeg
デスクでの入力

จัดเตรียมขั้นตอน

แก้ไขและตรวจสอบขั้นตอน

ดูแลและสนับสนุนการปฏิบัติงาน

การทำ BPO (เอาต์ซอร์ส) งาน RPA

ตอนนี้เป็นยุคของ BPO (Business Process Outsourcing)

ระบบอัตโนมัติรายเดือน (RPA) เป็นไปได้สำหรับจำนวนคงที่

ทิ้งไว้ให้เรา

bottom of page